WAVE โชว์Q2/66 ฟื้นตัวรายได้พุ่ง 79%

เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล โชว์ผลงานไตรมาส2/66 ฟื้นตัวแรงกวาดรายได้กว่า 109 ล้านบาท เติบโต 79% รับอานิสงค์สถาบันสอนภาษา Wall Streeet English เปิดเรียนเต็มรูปแบบดันเติบโตก้าวกระโดด ขณะเดียวกันรับรู้รายได้จากการขายหุ้นเมกะวัตต์ ส่งผลมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท มั่นใจผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้เติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจคาร์บอนเครดิตและวอลล์สตรีท อิงลิช เปิดให้บริการสาขาในจ.ชลบุรีและประเทศลาวเดือนก..นี้

นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชนหรือWAVE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทรวมบริษัทย่อยงวดไตรมาส 2 ของปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ..2566 มีรายได้รวม 109.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 61 ล้านบาท เนื่องจากสถาบันสอนภาษาอังกฤษ Wall Streeet English สามารถเปิดการเรียนการสอนได้เต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งคอร์สแบบเรียน On-site ตามสาขาทั้งหมดรวม 13 สาขา และในรูปแบบออนไลน์  ส่งผลให้ภาพรวมของรายได้ของธุรกิจสอนภาษาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งบริษัทมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในเอเชียของกลุ่มธุรกิจ Wall Streeet English

นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 2 /2566  บริษัทยังมีรายได้รับล่วงหน้า (Cash Sale) จากนักเรียนที่ซื้อคอร์สเรียนล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 20%  จาก 158.70 ล้านบาท เป็น 189.96 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงบการเงิน วันที่ 31 ธันวาคม 2565  ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในงบการเงินเมื่อนักเรียนมาใช้บริการ

บริษัทมีแผนที่จะลงทุนเปิดสาขาเพิ่มเองในพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมถึงการขยายธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์ ตามที่บริษัทได้ลงนามในสัญญากับ Sub-Franchisee  2 ราย เพื่อร่วมมือทำแฟรนไชส์ในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี และ เวียงจันทร์ ประเทศลาว คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาได้ในช่วงเดือนก.. 2566 และสามารถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในไตรมาส 4 / 2566”นายเจมส์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2566 กลุ่มบริษัทมีต้นทุนรวม 67.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ พบว่าลดลง แสดงให้เห็นถึงความสามารถการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สัดส่วนต้นทุนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับรายได้ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีกำไรขั้นต้น 41.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.52  ล้านบาท หรือ 11,273% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นต่อรายได้ เพิ่มขึ้น 37% จากเดิม 1% เป็น 38% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาส 2 ปี 2566 กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน 6.05 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 10.84 ล้านบาท หรือมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง 4.79 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ  ทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ หากพิจารณาร่วมกับกำไรที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด จำนวน14.40 ล้านบาท รวมถึงรายการอื่นๆ  กลุ่มบริษัทฯ มีผลกำไรเบ็ดเสร็จสำหรับงวดไตรมาส 2 ปี 2566 จำนวน 9.93 ล้านบาท  

ส่วนผลการดำเนินงานรวมเดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 213.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  96.28 ล้านบาท หรือเติบโต82% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันหลายไตรมาส ส่งผลให้ในงวด 6 เดือนของปี 2566 บริษัทสามารถสร้างรายได้สูงถึง  75%  ของรายได้ทั้งปีของปี 2565 (รายได้ทั้งปี 2565 เท่ากับ 286.10 ล้านบาท)

สำหรับงวด 6 เดือน กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน 17.46 ล้านบาท ลดลง 39.83 ล้านบาท โดยผลขาดทุนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ หากพิจารณาร่วมกับ กำไรที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด จำนวน 14.40 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงรายการอื่นๆ กลุ่มบริษัท มีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จสำหรับงวดเพียง 1.98 ล้านบาท  

 วันที่  30 มิ..2566  บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,190.48 ล้านบาท และมีสินค้าที่เป็นคาร์บอนเครดิตเพิ่มขึ้น 174.58 ล้านบาท จากการลงทุนซื้อคาร์บอนเครดิตเข้าสต็อก ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทที่ต้องการสนับสนุนองค์กรไทยในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นคลังคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นไปตามแผนงานของกลุ่มบริษัทที่วางไว้ จึงซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อรองรับการขายในอนาคต